การพิมพ์แบบ 3 มิติ จะเป็นกระบวนการพิมพ์แบบชิ้นงานขึ้นมาจากไฟล์โมเดล 3 มิติ ให้ออกมาเป็นแบบชิ้นงานที่จับต้องได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีความนิยมกันอย่างแพร่หลายทั้งด้านการแพทย์, งานด้านวิศกรรมต่าง ๆ , วงการแฟชั่นไปจนถึงแวดวงศิลปะ การพิมพ์แบบชิ้นงานจะดำเนินการได้จำเป็นต้องมีไฟล์โมเดล 3 มิติที่มาจากการปั้นแบบดิจิทัล หรือมาจากการสแกนแบบ 3 มิติ โดยเครื่องพิมพ์ 3 มิติส่วนใหญ่จะรองรับนามสกุลไฟล์ที่ใช้ทำงานคือ STL และ OBJ ส่วนแบบชิ้นงานที่พิมพ์ออกมา รายละเอียดที่ได้จะขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องพิมพ์และคุณภาพของเครื่องพิมพ์ด้วย ต้นทุนของการพิมพ์แบบ 3 มิติ จะขึ้นอยู่กับรายละเอียดความซับซ้อน และขนาดของชิ้นงาน
การพิมพ์แบบ 3 มิติ จะเป็นกระบวนการพิมพ์แบบชิ้นงานขึ้นมาจากไฟล์โมเดล 3 มิติ ให้ออกมาเป็นแบบชิ้นงานที่จับต้องได้ ซึ่งในปัจจุบันนี้มีความนิยมกันอย่างแพร่หลายทั้งด้านการแพทย์, งานด้านวิศกรรมต่าง ๆ , วงการแฟชั่นไปจนถึงแวดวงศิลปะ การพิมพ์แบบชิ้นงานจะดำเนินการได้จำเป็นต้องมีไฟล์โมเดล 3 มิติที่มาจากการปั้นแบบดิจิทัล หรือมาจากการสแกนแบบ 3 มิติ โดยเครื่องพิมพ์ 3 มิติส่วนใหญ่จะรองรับนามสกุลไฟล์ที่ใช้ทำงานคือ STL และ OBJ ส่วนแบบชิ้นงานที่พิมพ์ออกมา รายละเอียดที่ได้จะขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องพิมพ์และคุณภาพของเครื่องพิมพ์ด้วย ต้นทุนของการพิมพ์แบบ 3 มิติ จะขึ้นอยู่กับรายละเอียดความซับซ้อน และขนาดของชิ้นงาน
เครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติของโรงปั้นพระอุดรธานีจะมีอยู่ 2 ระบบด้วยกัน คือ 1. เครื่องพิมพ์ระบบฉีดเส้นพลาสติก (FDM) และ 2. เครื่องพิมพ์ระบบเรซิ่น (SLA) ซึ่งแต่ละระบบจะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันออกไป เพราะฉะนั้นการเลือกใช้เครื่องพิมพ์ระบบต่าง ๆ นั้นจะขึ้นอยู่กับรายละเอียดและขนาดของชิ้นงาน รายละเอียดของเครื่องพิมพ์แต่ละระบบมีรายละเอียดดังนี้
เครื่องพิมพ์ระบบนี้จะมีหลักการทำงานด้วยการหลอมเส้นพลาสติกที่เป็นม้วน ผ่านหัวฉีดที่มีความร้อนสูงจากชั้นล่างขึ้นไปสู่ชั้นบนจนได้ชิ้นงานที่เสร็จสมบูรณ์
ข้อดี ราคาต้นทุนในการพิมพ์ต่ำ, พิมพ์แบบชิ้นงานได้รวดเร็วกว่าเครื่องพิมพ์ 3 มิติระบบเรซิ่น, เหมาะกับชิ้นงานขนาดกลาง
ข้อเสีย คุณภาพงานไม่ละเอียด, ชิ้นงานที่พิมพ์ออกมาไม่สามารถนำไปใช้งานได้ทันที เนื่องจากพื้นผิวชิ้นงานจะแบ่งชั้น เหมือนขั้นบันไดเล็ก ๆ จึงจำเป็นต้องนำมาแต่งผิวชิ้นงานให้เรียบเนียนเพิ่มเติม
เครื่องพิมพ์ระบบนี้จะมีหลักการทำงานโดยการใช้แสงเลเซอร์ยิงผ่านเรซิ่นเหลวที่อยู่ในถาดจนเรซิ่นแข็งตัวทีละชั้น ส่วนเรซิ่นที่ไม่โดนแสงจะยังคงอยู่ในรูปของเหลว การพิมพ์แบบชิ้นงานจะกลับหัว โดยเครื่องจะจุ่มแท่นพิมพ์แบบลงไปในถาดเรซิ่น เมื่อยิงแสงครบแต่ละชั้น แท่นพิมพ์จะเลื่อนขึ้นมาเรื่อย ๆ จนได้ชิ้นงานที่เสร็จสมบูรณ์
ข้อดี คุณภาพงานละเอียดมาก เหมาะสำหรับงานที่มีขนาดเล็ก เช่น แหวน, เครื่องประดับ, พระกริ่ง และพระบูชาขนาดเล็ก เป็นต้น
ข้อเสีย ราคาต้นทุนในการพิมพ์สูง, ใช้เวลาในการพิมพ์นานกว่าเครื่องพิมพ์ระบบฉีดเส้นพลาสติก